สายเลิฟบุหรี่ไฟฟ้าต้องมามุง เพราะบทความนี้เราจะมาเปิดประวัติที่มาของบุหรี่ไฟฟ้า มาจากไหน ทำไมบูมในไทยจัง ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้า เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2506 ในประเทศสหรัฐอเมริกา จดชื่อทางสิทธิบัตรว่า “Smokeless non-tobacco cigarette” โดย Herbert A. Gilbert ซึ่งอธิบายไว้ว่า เป็นสิ่งประดิษฐ์นี้ทำการแทนที่การเผาใบยาและกระดาษ ด้วยความร้อน ความชุ่มชื้น และกลิ่นไอในอากาศ การเริ่มต้นของบุหรี่ไฟฟ้าในครั้งนั้นยังไม่เป็นที่นิยมนัก เนื่องจากยังไม่มีสารนิโคตินในตัวอุปกรณ์ จึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการนิโคตินของผู้สูบบุหรี่ได้

เข้าเรื่องเปิดประวัติที่มาของบุหรี่ไฟฟ้า มาจากไหน ทำไมบูมในไทยจัง

จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2546 Hon Lik เภสัชกรชาวจีน ประดิษฐ์บุหรี่ไฟฟ้าที่มีสารนิโคตินขึ้นมา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดของบิดา โดย Hon Lik อธิบายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าไว้ว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นการสูบนิโคตินที่สะอาดและปลอดภัยกว่า และได้วางขายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศจีนเป็นประเทศแรก ตามด้วยประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2549 – 2550 จึงทำให้บุหรี่ไฟฟ้ากำลังเป็นที่นิยมและมีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น ผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นทั้งผู้ที่เคยสูบบุหรี่แบบปกติทั่วไป และผู้ที่เริ่มต้นหรือทดลองสูบบุหรี่ จากสถิติการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของเยาวชน (National Youth Tobacco Survey) จากจำนวนนักเรียน 2 ล้านคน ในประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 2557 พบว่า ในกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปลายมีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 4.5 เป็นร้อยละ 13 และในกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมต้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.1 เป็นร้อยละ 3.9 เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัวภายใน 1 ปี ในประเทศไทยยังไม่มีการอนุญาตให้นำเข้าหรือวางขายบุหรี่ไฟฟ้า มีเพียงการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในตลาดมืดเท่านั้น จึงทำให้ยากต่อการเก็บข้อมูลทางสถิติ

โดยคนอีกกลุ่มที่พบว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้า คือ ผู้ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ จากกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันในรัฐแคลิฟอร์เนียจำนวน 1,000 คนที่มีพฤติกรรมการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในชีวิตประจำวันเป็นเวลา 1 ปี พบว่าร้อยละ 60 มีแนวโน้มที่จะเลิกสูบบุหรี่และลดปริมาณในการสูบ แต่ Dr. Wael Al-Delaimy อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัวและสาธารณสุข คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการใช้บุหรี่ไฟฟ้าสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ไว้ว่า จากการวิจัย การใช้บุหรี่ไฟฟ้าอาจจะไม่ได้ช่วยให้เลิกพฤติกรรมการสูบบุหรี่ได้ หนึ่งในตัวแปรสำคัญคือปริมาณนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสารเสพติดให้โทษเช่นเดียวกันกับที่พบในบุหรี่ปกติทั่วไป และเรื่องนี้ยังจำเป็นต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติมกันต่อไปนั่นเอง